วันอังคารที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ฌาน หมายถึง (meditative absorption To mean)


meditative absorption  To mean

คำว่า “ฌาน” หมายถึง  อารมรณ์ชิน  การนึกได้เรื่อยๆ  อย่าง เช่น การนึกถึงพระพุทธเจ้า ได้เรื่อยๆ ก็คือ “ฌาน” ฉะนั้นคำว่า “ฌาน” ก็หมายถึง ทำอารมณ์ให้ชินกับกรรมฐานกองใดของหนึ่งได้เรื่อยๆ  ไม่ให้อารมณ์ตก หรือ ให้อารมณ์ใดๆ เข้าแทรก ในระหว่างที่เราเจริญกรรมฐานอยู่

ผู้เขียนไปค้นหาความหมายของคำว่า “ฌาน” ตัวนี้ไปอ่านหนังสือหลายเล่ม ก็ยังไม่เข้าใจ คำว่า “ฌาน” ค้นหาอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจ...ก็ได้เจอหนังสือเล่มหนึ่งที่วัดท่าซุง  ท่านได้อธิบายคำฌานได้เข้าใจ....ทำให้เราเข้าใจง่านและเข้าถึงหัวใจของการปฏิบัติธรรม....สิ่งที่เป็นเรื่องยากๆ  ในเรื่องการปฏิบัติธรรม  การทำสมาธิ  การทำอารมณ์ การทำกรรมฐานแต่ละหมวดใน 40 กอง  เมื่อท่านได้อ่านหนังสือแล้ว ท่านจะเข้าใจได้ง่ายๆ เหมือนปลอกกล้วยเข้าปาก คำว่านิพพานสำหรับใครหลายคน ที่ว่าอยากกลับเป็นเรื่องที่ง่าย และทำตามได้

หากใครต้องการพ้นทุกข์ หรือ ต้องการที่จะเข้านิพพานชาตินี้....ขอให้ไปที่วัดท่าซุง...แล้วหาหนังสือมาอ่านถ้าเป็นไปได้ให้อ่านให้หมดทุกเล่มได้ยิ่งดี.....เพราะหนังสือที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้เขียนไว้.....ทำให้เราเข้าใจคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้อย่างรวดเร็ว....ไม่กำกวมทำให้เราสับสนเหมือนกับหนังหลายๆ เล่มที่ซื้อมาอ่าน....

สำหรับที่นี้แล้ว  ผู้เขียนบอกเลยว่าเป็นเรื่องง่ายๆ...และได้ใจความ...เพียงแค่เราปฏิบัติตามก็สามารถทำได้และเข้าใจง่าย....ผู้เขียนไม่ได้ยกยอ....แต่หากผู้ใดยังไม่มีที่ใด....จะไปปฏิบัติธรรมที่ใหนก็ขอบอกว่าที่วัดท่าซุงนี้เลย....

วันจันทร์ที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ฝึกกรรมฐาน (Method To practice Meditation)


Meditation

ฝึกกรรมฐาน  ก็ เพื่อ ป้องกันบาปเข้ามาแทรก  หรือ อกุศลกรรมเข้ามาแทรก หากว่าเราไม่ฝึกฝนให้ชินกับความดี ก็จะทำให้เราหลงลืม....แต่ถ้าเราฝึกอารมณ์ให้ชินกับความดี....บาปก็เข้ามาแทรกไม่ได้....วิธีฝึกกรรมฐานก็คือ การฝึกจิตให้ชินกับความดี....เพราะเมื่อเราตาย อกุศลกรรม จะได้เข้ามาแทรกไม่ได้....การทำบุญแม้จะใหญ่แค่ไหน....ก็อาจทำให้เราหลงลืมบุญได้

ฉะนั้นพระท่านให้ฝึกกรรมฐานเพื่อให้เรามีอารมรณ์ชินกับความดี....ให้จิตคบกับความดีมากๆ ....เมื่อตาย บาปอกุศลกรรมก็จะให้ผลไม่ได้.....เมื่อบาปเข้าแทรกไม่ได้เราจะได้ขึ้นสวรรค์.....นรกก็เรียกตัวลงไปไม่ได้....หากตอนนี้ใครกำลังคบกับความคิดที่เป็นบาป หรือ เป็นอกุศลกรรมอยู่....หรือ ใครที่ทำบาปไว้มากๆ  ก็ให้เริ่มฝึกกรรมฐานได้แล้ว....จะได้หนีบาปกรรมที่ตนเองก่อได้ทัน.....เมื่อถึงเวลาตามแล้วค่อยมาฝึกเดียวจะไม่ทัน....บาปให้ผลก่อน...แล้วนึกถึงบุญไม่ออก....แม้ท่านยมบาลก็ช่วยเราไม่ได้

มาเริ่มต้นฝึกกรรมฐานกันแต่เนิ่นๆ  จะได้มีที่พักให้สบายก่อนจะไปนิพพาน....จะได้พ้นทุกข์พันโศก...ไม่ต้องทรมานอยู่ในโลกมนุษย์อีกต่อไป....พอไปพักบนสวรรค์.....แล้วก็นิพพานบนสวรรค์เลย....ไม่ต้องลงมาโลกมนุษย์มีแต่ทุกข์มีแต่ความเร้าร้อน....ต้องลำบากทั้งกายและใจ...ต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพให้เหนื่อยกาย....หากไม่รวยก็ทุกข์อีก...วนเวียนอยู่กับนรกกับมนุษย์ไม่จบไม่สิ้น.....หากอยากให้ทุกข์หมดไป ก็เริ่มฝึกกรรมฐาน...กันแต่ตอนนี้เลย....

วันอาทิตย์ที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทรัพย์ของคนรวย (Property of millionaire)






1 คนรวย มีความศัรทธา ต่อ  พระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ เชื่อในพระปัญญาแห่งการตรัสรู้ของ พระพุทธเจ้า
2 คนรวยจะมีศีล คนที่รักษาศีล 5 ให้ครบ  เมื่อเป็นฆราวาสอยู่  เพราะศีล จะนำมาซึ่งทรัพย์สมบัติ  พร้อมทั้ง รูปทรัพย์  มนุษย์สมบัติ
3 คนรวยความละอายต่อบาป ทั้งปวง มี กายทุจริต มโนทุจริต วจีทุจริต  และอกุศลกรรมทั้งหลาย  หรือ สะดุ้งกลัวต่อบาป
4 คนรวยเป็นผู้ที่ศึกษาธรรม ฟังธรรม ท่องจำธรรมให้ขึ้นใจ  พร้อมทั้งนำมาบรรยาย และ ทำให้คนได้รู้ตาม
5 คนรวยมีปัญญาในการกำจัดกิเลส ให้ลดน้อยถอยลง จนหมดไปจากใจ
6 คนรวยเป็นผู้รักในการให้  ไม่ตระหนี่ ถี่เหนี่ยว รักในการสละออก

ทั้งหมดนี้คือ ทรัพย์ของคนรวย ไม่ว่าคุณจะอยู่ในฐานะใหน...คุณจะยากดีมีจน หากคุณมีคุณสมบัติดังกล่าวทั้งหมดนี้...คุณก็คือคนรวย...ถึงแม้ชาตินี้คุณจะจน....หากกรรมของคุณไม่หนักเกินบุญ...คุณจะเริ่มมีฐานะที่ดีขึ้น.....แต่ถ้าชาติหน้า...คุณจะเกิดมารวยทันที.....

ถ้าหากชาตินี้ไม่รวยก็ถือเสียว่าเราใช้กรรมเก่าที่เราเคยสร้างไว้ในอดีตชาติ  เพราะว่าเรานั้นเกิดมากี่ชาติจนนับไม่ถ้วนและไม่รู้ว่าเคยทำดีทำชั่วไว้อย่างไร.....วันนี้เริ่มทำดีและยึดมั่นในพระรัตนตรัย......เพราะพระรัตนตรัยนั้นเป็นบุญแรง....หาที่ใดเปรียบไม่ได้....หากจะเริ่มทำบุญที่ใด....ก็เริ่มที่พระรัตนตรัย....เพราะพระพุทธเจ้า....หมดกิเลส...มีแต่ความดีที่อยู่กับใจท่าน....เมื่อเริ่มทำบุญกับท่าน....จะได้บุญแรง เพราะจิตท่านบริสุทธิ์

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ชี้ช่องรวย 10 ข้อ




ชี้ช่องรวย 10 ข้อ
1 ตื่นนอนแต่เช้ามาใส่บาตนทุกวัน
2 ทำสังฆทานทุกเดือน
3 ถือศีล 5 ตลอดชีวิต
4 ถือศีล  8 ทุกวันพระ
5 สวดมนต์
6 ทำสมาธิ
7 เข้าวัดฟังธรรม
8 ทำบุญตามกาล
9 สร้างโบสถ์ วิหาร
10 กรรมบถ 10

ถ้าคุณทำได้ทุกข้อที่กล่าวมา....ไม่ว่าคุณปรารถนาสิ่งใดก็จะสมหวัง คุณจะมีความสุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า คุณต้องทำเป็นอาจิน ทำทุกวัน ทำอย่าหยุด  หากไม่เกินกว่ากรรมที่คุณสร้างไว้ในอดีตมาให้ผล  เกิดชาติหน้าคุณจะร่ำรวย ทั้งรูปทรัพย์  เกิดเป็นคนสวย   หรือ จะหวังให้พ้นทุกข์ หรือ เข้าพระนิพพาน....ก็ย่อมทำได้ง่ายกว่าผู้อื่น....


เริ่มต้นสร้างสมความดีให้ครบทุกข้อ  เริ่มต้นได้ง่าย จากการให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิ แล้วทุกอย่างที่คุณต้องการจะวิ่งเข้าหาคุณเอง....ไม่ต้องไปวิ่งตามเหมือนตอนนี้.....อยากจะรวย...แต่ไม่รวยภายใน....ทรัพย์ภายนอกหาได้แล้วก็เสื่อมก็สลายไปตามกาลเวลา....สิ่งทั้งหลายทั้งปวงไม่จีรังยั่งยืนถาวร


หากเรามีทรัพย์ภายใน  คือ  การให้ทาน รักษาศีล สมาธิ  ไว้ภายใน  ไม่ว่าเกิดชาติใหนๆ  ความร่ำรวยก็จะมีในบุคคลนั้น ไปทุกภพทุกชาติ....ไม่เว้นแม้กระทั่งชาตินี้...หากใครที่สามารถทำสมาธิ....ให้ติดต่อกับเทวดาได้....ความร่ำรวยจะมาเราเลยที่เดียว  เราจะรู้ได้ว่าเราจะทำอะไรรวย...ทำอะไรแล้วไม่รวย....จะมีเทวดาคอยบอกเรา.....จิตที่สงบ หรือ กิเลสในใจน้อยลง หรือเบาบางลง...จะทำให้ติดต่อกับโลกของเทวดาได้......

วันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ศัตรูภายใน



ศัตรูภายนอกเรายังมองเห็นได้ เราสามารถจะรู้ได้ว่ามาจากทิศใหน จะมาทางซ้ายหรือขวาเราก็มองเห็นได้  ระวังได้ ป้องกันได้  สามารถพูดคุยหรือเจรจาต่อรองได้ ทำความเข้าใจได้  ให้อภัยกันได้...แต่ศัตรูภายในของเรานี่ซิ เผลอเมื่อไรเล่นงานเราทุกที...แม้ว่าเราจะพยายามพาใจหนีความชั่ว  จิตนี้ถ้าเผลอเมื่อไรก็แล่นไปหาแต่ความชั่วทุกที

ยิ่งคนสมัยนี้คบแต่คนชั่ว...สื่อต่างๆ มากมาย  ใจของเราเมื่อเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความชั่ว พูดชั่ว คิดชั่ว เมื่อไรก็บันทึกไว้เท่านั้น....ศัตรูภายในของเรานี่คือจิต   จิตที่คอยแต่จะวิ่งแล่นไปหาความชั่ว คอยสั่งสมแต่บาป คอยสั่งสมแต่ความคิดที่เป็นอกุศลกรรมทั้งหลาย....เวลาเราจะคิดดีเมื่อไร...ความคิดชั่วก็เข้าแฝง....แนะนำเราไปในทางแต่ที่เลว.....หากเราไม่ควบคุมมัน...มันก็มักจะก่อปัญหาให้กับเราอยู่เลื่อยไป.....

และความคิดเลวนี่มันไวมากเข้ามาแทรกทันทีเมื่อความคิดดีมา....คนปฏิบัติธรรมนี้ยิ่งเจอมาก....เพราะความคิดดีต่อต้านกับความคิดชั่ว...สู้กันไปก็สู้กันมา....หากเรายอมแพ้ความคิดชั่วมันก็จะมารบกวนจิตของเราอยู่วันยังค่ำ...ฉะนั้นคนที่เคยชินคิดแต่เรื่องอกุศล  ต้องพยายามอย่างหนักเพื่อพลักดับความคิดดีให้มีแก่จิตให้ได้....เพราะถ้าคุณเผลอเมือไรความคิดอกุศลจะแฝงเข้ามาหาเราทันที....

ศัตรูภายในตัวนี้ร้ายมาก....ทำชีวิตให้คนย่ำแย่และก็พังมานักต่อนักแล้ว....ฉะนั้นพระท่านถึงได้ให้เรามีศีล ให้บริบูรณ์เพราะศีล จะช่วยคุมความประพฤติของเราไม่ให้ออกนอกลู่นอกทาง...ไม่ให้เราคิดนอกลู่นอกทาง...แล้วจะช่วยให้จิตเราทรงตัว  รักษาความคิดดีไว้ได้  เมื่อนั้นความคิดไปในทางอกุศลก็จะลดน้อยลง  เมื่อเราพยายามมากขึ้นเราก็จะกลายเป็นผู้ชนะ  และเราจะเอาชนะ ศัตรูภายใน  ของเราได้เอง...

ฉะนั้นเราจะต้องตั้งใจจริง...ปฏิบัติให้จริงจังเท่านั้นถึงจะเอาชนะศัตรูภายในได้

วันพฤหัสบดีที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2556

วิธีเช็คความคิดในแต่ละวันว่าคุณไปนรกหรือสวรรค์บ่อยแค่ไหน


วิธีเช็คความคิดในแต่ละวันว่าคุณไปนรกหรือสวรรค์บ่อยแค่ไหน
ความคิดที่จะพาไปนรกอย่างเช่น
ตำหนิแฟน
ปรุงแต่งไปทางอกุศล
ตำหนินักการเมือง
ตำหนิตนเอง
คิดเรื่องลามก
คิดว่าแฟนไปมีคนไหม่
คิดว่าแฟนนอกใจ
คิดว่าแฟนไปมีเมียน้อย

สรุปแล้ว  ความคิดในด้านอกุศลทั้งหลาย  มี รัก โลภ  โกรธ  หลง  เป็นต้น  ความคิดลบนี้ถ้าเรานำมาคิดนำมาใส่ใจก็เท่ากับเราเพิ่มทุกข์ให้กับตนเอง... ซึ่งคนอื่นเขาไม่ทุกข์ เราเองเป็นคนรับไว้เต็มๆ  และถ้าเราสะสมความคิดที่เป็นอกุศลเสมอๆ  ทุกวัน  ถ้าทำเป็นกิจลัษณะ หรือ  ทำเป็นอาจิณ  ความคิดหรืออารมณ์เหล่านี้จะพาเราไปนรกทันที....เราไม่รู้ว่าเราจะตายวันไหน....เมื่อไร...หากเราต้องตายเพราะความเคยชินกับความคิดอกุศล....เราจะดิ่งตรงลงนรกทันที....คำว่าอาจิณกรรม....หรือทำกรรมในรูปแบบเดิมๆ  ทุกวัน....เขาเรียกว่าให้ผลร้ายแรง....

ฉะนั้นปรับเปลี่ยนอารมณ์เสียใหม่ให้คิดแต่เรื่องดี  เรื่องที่เป็นกุศล...มองคนในแง่บวก...มองผู้คนเป็นเพื่อน  เป็นพี่  เป็นน้อย   เป็นญาติ  

วันพุธที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2556

นิพพานคืออะไร



นิพพาน แปลว่า นิพพานเป็นความว่างอย่างยิ่ง หรือ นิพพานคือ ความว่างจากความเลวทุกอย่าง หรือ ความขาดสูญ แห่ง ราคะ โทสะ โมหะ...... เมื่อใจเราว่างจากความเลว เมื่อนั้นเราก็เข้านิพพานน้อยๆ หรือ จะพูดได้ว่า นิพพาน ก็คือ หมดจากกิเลส ทั้งหลาย  ไม่ว่าจะเป็นรัก โลภ  โกรธ หลง รวมความแล้ว ความชั่วไม่มีในจิต


บางคนบอกว่านิพพานเป็นของอยาก พระท่านบอกว่าอย่างนี้เป็นความเห็นของคนโง่  ถ้าไม่อยากโง่ ก็ให้มองเรื่องนิพพาน เป็นเรื่องของง่าย ทำตามได้  ปฏิบัติตามได้โดยง่าย  อย่างนี้เป็นความเห็นของคนฉลาด  ถ้าใครตามล่าหาความจริงของนิพพาน  หาตามแหล่งต่างๆ  หรือหาตามหนังสือ  หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ....ถ้าจะหาก็หาที่ใจที่กายของเรานี้ถึงจะเจอ.....หาใจของเราที่มันคิดอกุศลทั้งหลาย  หาพวกนี้...แล้วขจัดมันออกไป...ขว้างความเลวทรามของจิตนี้ออกไปให้หมด...เมื่อนั้นเราจะพบนิพพาน....


คนที่หนีร้อนมาพึ่งเย็น.....ก็ต้องขัดเกลาความหยาบของจิต  ให้ละเอียดขึ้นไปเรื่อยๆ  จนกว่าจะหมด ....นิพพาน ก็จะอยู่ไม่ไกล สำหรับคนที่ปฏิบัติแบบจริงจัง.....และอยากจะไปนิพพาน ...พระท่านให้เราเริ่มต้นจาก...ให้ทาน...รักษาศีล ...เจริญสมาธิ....
การให้ทานจะช่วยให้เราไม่ลำบาก  ในขณะเราปฏิบัติ  การรักษาศีลจะช่วยคุมความประพฤติของเราให้อยู่ในความดี...การเจริญสมาธิ....จะทำให้เรามีปัญญา...นำกิเลสออกจากจิตได้....

ถ้าอยากรู้ว่านิพพาน  เป็นของง่ายหรือของอยาก  ให้ไปที่วัดท่าซุง หรือ ที่บ้านสายลม  และหาหนังสือมาอ่าน  เรื่อง  คู่มือปฏิบัติคู่วัดท่าซุง มาอ่าน เพราะหนังสือเล่มนี้จะบอกวิธีการไปนิพพาน....จะต้องทำอย่างไรบ้าง...และเรื่องนิพพานจะเป็นเรื่องที่ง่ายมาก.....ขอให้ทุกคนที่ค้นหา ความสุขอันนิรันดรของชีวิต  จงประสบความสำเร็จดังตั้งใจ....

วันอังคารที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทำอย่างไรถึงจะเกิดเป็นคนสวย

เป็นคนสวยทำอย่างไร
รูปภาพสาวสวย
สาวสวย

ทำอย่างไรถึงจะเกิดมาเป็นคนสวย  ถ้าในสมัยนี้คนที่ไม่สวยก็ไปทำหน้าใหม่ให้สวยได้ตามต้องการ ขอให้มีเงินเราก็สวยได้..จะทำให้ดำเป็นขาว  ก็ทำได้.....แล้วถ้าไม่มีเงินละจะทำอย่างไร...ก็ขอบอกว่าไม่ต้องทำอะไรทั้งสิ้นปล่อยมันไปมันเป็นเรื่องของกรรมเก่า...ที่เราทำไว้ในชาติปางก่อนให้ผล...ให้เราเป็นเราอยู่ทุกวันนี้.....



ที่นี้เมื่อชาตินี้เราเกิดมาหน้าตาไม่สวย...การงานไม่ดี...แถมยังยากจนอีก.....ชาตินี้ก็ให้คิดเสียว่าเราเกิดมาเป็นมนุษย์ดีกว่าเป็นสัตว์เดรัชฉาน...เพราะเราสามารถเริ่มทำกรรมใหม่ได้...ให้ชีวิตชาติหน้าเป็นชาติที่ดีที่สุด...สวยสุด...รวยสุด....เป็นอย่างที่เราต้องการ....ถ้าหากคุณเกิดเป็นสัตว์เดรัชฉาน.  เพราะสัตว์เดรัชฉานกำลังใช้กรรมของตนเองที่ตนเองได้ก่อไว้อยู่....หากพ้นจากกรรมเดรัชฉานก็จะมาเกิดเป็นคนอีกที.....



ฉะนั้นเราโชคดีแล้วที่เกิดมาเป็นคน....จะได้เริ่มต้นทำความดี....สำหรับคำถามที่ว่าจะทำอย่างไรถึงจะเกิดเป็นคนสวยนั้น พระท่านว่า ให้เรารักษาศีล 5 ไปจนตลอดชีวิต พร้อมกับ กรรมบถ 10 ให้ครบ  พระท่านบอกว่าจะทำให้เราเกิดมาเป็นคนสวยในชาติหน้า  และรวมทั้งชาตินี้จะทำให้เรามีความสุขทั้งชาตินี้และชาติหน้า...ความสมหวังหรือสิ่งที่เราปรารถนาอะไรก็ย่อมจะสำเร็จได้โดยง่าย...ไปที่ไหนก็จะมีแต่คนรัก  ไปที่ไหนใครก็ชอบ.....


วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2556

คนไร้ปัญญาเป็นเช่นไร

ดอกบัว
คนไร้ปัญญาก็คือคนที่มองไม่เห็นความตาย  หมายความว่า  เห็นคนอื่นเขาตายกันทุกวัน  สัตว์ตายทุกวัน  มีบัตรเชิญให้ไปงานศพนับครั้งไม่ถ้วน....คนรถคว่ำตาย...รถประสบอุบัติเหตุตาย...รถไฟตกลางคนตาย.....ภัยธรรมชาติอย่างเช่นสินามิ...ทำให้มีคนเป็นแสน ลมพายุพัดถล่มตาย....โรคระบาด.....น้ำท่วม...ไฟไหม้....สังครามกลางเมือง....หนาวเกิดไปก็ตาย...ร้อนเกินไปก็ตาย....


รวมความว่ารอบตัวเรามีแต่คนตาย สัตว์ตาย  จนนับไม่ถ้วนในแต่ละวัน...คนไร้ปัญญาจะไม่คิดว่าตนเองจะตาย....ตัวอย่างมีให้เห็นอยู่รอบตัว....แต่กับชล่าใจไม่คิดว่าตนเองจะตาย...ปล่อยตัวปล่อยใจไปตามกาลเวลา.....โดยมองไม่เห็นว่าความตามคืบคลานเข้ามาหาเราทุกทิวาราตรี.....รวมทั้งเจ้ากรรมนายเวรจ้องจะเอาชีวิต....สัตว์นรก เปรต อสูรกาย พร้อมที่จะอยากมาเกิดมากมาย...เพราะที่เมื่องนั้นมีแต่ความทุกข์ทรมาน......แต่คนที่เกิดมาเป็นมนุษย์มักมองไม่เห็นคุณค่าของตัวเองปล่อยเวลาให้เลยไป...โดยมองไม่คุณค่าของเวลาและตัวเอง


เมื่อคนไร้ปัญญามองไม่เห็นว่าตนเองจะตาย...ก็ใช้ชีวิตโดยความประมาท....และเริ่มทำผิดศีลธรรมอันดีงาม....ไม่สมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์....เพราะมนุษย์เขาเรียกว่าคนมีใจสูง.....คนที่มีศีล 5 เป็นประจำจิต....อย่าลืมนะค่ะว่าคนที่จะเกิดมาเป็นมนุษยได้ต้องเคยรักษาศีล 5 มาถึงจะมาเกิดเป็นมนุษย์ได้....หากไม่รักษามาในอดีตจะมาเกิดเป็นมนุษย์ไม่ได้....


เพราะฉะนั้นคนมีปัญญาจะเริ่มรักษาศีล 5  เพื่อรักษาความเป็นมนุษย์ต่อไป.....เมื่อไม่อยากเป็นมนุษย์ก็จะไม่รักษาศีล 5 ....เพราะถ้าคลาดจากชาตินี้รับรอง...พระพุทธเจ้าเกิดมาอีกคน....ก็ยังไม่ได้เกิดเป็นมนุษย์......จะไปเกิดตามกรรมที่เราได้สร้างขึ้น...หากฆ่ามด...ฆ่ายุง จำนวนเท่าใด....ก็ไปเกิดตามจำนวนที่เราฆ่า...หากการฆ่าเกิดจากความตั้งใจบาปก็จะยิ่งรุนแรงอีกเป็นเท่าตัว.....



ถ้าหากไม่อยากเป็นคนไร้ปัญญา ก็ให้มองความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต...เพราะอะไร...การระลึกนึกถึงความตายเป็นกรรมฐานกองหนึ่งใน 40 กอง.....คนที่ระลึกนึกความตายอยู่เสมอเขาจะรีบทำสิ่งที่ไม่ได้ทำให้สำเร็จ.....ขอให้ทุกคนนึกถึงความตายไว้เสมอ....จะได้ปลงกับชีวิต...ใช้ชีวิตให้มีคุณค่าต่อตัวเอง  และคนอื่นให้มากที่สุด.....เพราะชีวิตหลังความตายน่ากลัวสำหรับคนไร้ปัญญา...ชีวิตหลังความตามไม่น่ากลัวสำหรับคนมีปัญญา.....

วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สิ่งที่ปิดกั้น การทำสมาธิ


สิ่งที่ปิดกัน การทำสมาธิ  ก็คือ  ความโกรธ  ความโลภ  ความหลง  หากนักทำสมาธิทั้งหลายทำแล้วยังไม่มีผลคือความคืบหน้า....ให้หมั่นตรวจดูจิตตนเองว่า  เรามี  ความโกรธ  ความโลภ  ความหลง มีในจิตหรือเปล่า ถ้ามีให้เราหาวิธีแก้ไขให้ ความโกรธ  ความโลภ  และหลง  ให้ลดน้อยลง  หรือ  เบาบางลง  เพราะสิ่งเหล่าเป็นการปิดกันการทำสมาธิของเรา  หากขจัดมันทิ้งไปได้  การทำสมาธิของเราก็จะเจริญก้าวหน้าขึ้น  เป็นลำดับ
พระพุทธเจ้าท่านกล่าวไว้ว่า  จิตของเรา  ผสมด้วยหลายสิ่ง  นานมาแล้ว  หลายชาติ หลายกำเนิด ฉะนั้น  หากเราต้องการชำระจิต ก็ต้องมีการเพียรไม่เบื่อหน่ายในการทำสมาธิ....ถ้าเรามีความตั้งใจแน่วแน่  เอาเรื่องอะไรที่ไม่เป็นมงคลออกไปจากใจ  อกุศล อคติ เอาออกไปให้พ้น  จงตรวจจิตเราดูทุกๆ  วันว่าเรานั้น  ยังมีสิ่งไรที่มันสกปรกอยู่  ความโลภ มีหรือ เปล่า  โทสะ  มีไหม เราเป็นคนอารมณ์ที่ปรารถนาหลอกความจริงไหม  โมหะ  เรายึดถือตัวเราเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ไหม 
ตรวจ  และค้นให้พบ  ล้างมันให้ออก  โดยเห็นแจ้งกับคำว่า  ไม่ถูกใจ  เมื่อมี 3 สิ่งกระทบจิต  ความไม่ถูกใจจะบังเกิด  ความไม่พอใจจะเป็นแรงดัน ดันมากๆ  ก็หงุดหงิด  บันดาลอารมณ์ร้าย  ร้อนแรง  และจะพบว่ามันเป็นทุกข์  เมื่อรู้ว่าเป็นทุกข์  เราจะแก้ความลำบากของคำว่า  ทุกข์  นี้ได้อย่างไร  ละจากโลภะ  โมหะ  โทสะ  ได้อย่างไร  ก็ด้วยการมีพรหมวิหารสี่  จะแก้ไขได้  ลองไปศึกษาเรื่องพรหมวิหารสี่กันดูนะค่ะ.....

วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

อารมณ์ ของคนฉลาด เป็นอย่างไร


อารมณ์ของคนฉลาด ก็คือ  อารมณ์ของคนที่ฉลาดที่จะนึกถึงแต่พระพุทธเจ้า หรือ นึกถึงพระพุทธรูป  เป็นประจำให้อยู่ในจิตตลอดเวลาได้ยิ่งดี...อันนี้เรียกว่า  อารมณ์ของคนฉลาด...อารมรณ์ของคนโง่ จะนึกถึงแต่  ความรัก โลภ โกรธ  หลง  อยู่วันยังค่ำ  การที่เรามีอารมรณ์ฉลาด นึกถึงแต่ พระพุทธรูป หรือ คุณความดีของพระพุทธเจ้านี้ เป็นกรรมฐานกองหนึ่ง...ซึ่งเรียกว่า การเจริญกรรมฐาน ในกอง พุทธานุสติกรรมฐาน....

ไม่ว่าเราจะเดินไปทางไหน....เปลี่ยนแปลงอารมณ์ด้านอื่นๆ ที่เป็นทางด้านอกุศลทั้งหลายแหล่   ให้หันมานึกถึงพระพุทธรูปบ้าง  อย่าให้จิตเราหนักไปทางโลกมากนัก...การเริ่มต้นฝึกจิตตั้งแต่เนินๆ  จะทำให้เราเคยชินกับความคิดที่เป็นกุศล...บาปกรรม หรือ กรรมเก่า จะได้ลดน้อยลง...คนที่มีความฉลาด  เขาจะใช้กรรมฐานกองนี้  เพราะง่ายในการทำ 

และช่วยลดอารมณ์ที่เป็นอกุศลให้เบาบางลงได้  การนึกถึงพระพุทธรูปอยู่บ่อยๆ  หากเราตายลงขณะนั้น...เราจะได้ไปสวรรค์ทันที...เพราะจิตที่เป็นกุศล....การนึกถึงพระพุทธรูป เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า....ฉะนั้นพระพุทธเจ้าจะอยู่กับเราตลอดเวลา....เพราะการบูชาพระพุทธเจ้า จะทำให้เรามีเดช  มีอำนาจมาก.....

ขอให้ทุกคนให้ทำอารมณ์ของตนเองให้ฉลาด.ฝึกฝนตนเองตั้งแต่วันนี้...เกิดชาติหน้าจะได้ร่ำรวยเป็นเจ้าคนนายคน

วันพฤหัสบดีที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2556

รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นคนห้อย “พระเครื่อง” (How to feel see be suspended a small Buddha image used as an amulet)


How to feel see be suspended a small Buddha image used as an amulet
รูปพระสีวลี
หลวงปู่ทวดวัดช้างให้
ภาพหลวงปู่ทวด
รู้สึกอย่างไรเมื่อเห็นคนห้อย “พระเครื่อง”  บางคนก็อาจจะมองเป็นเรื่องงมงาย  ในฐานที่ผู้เขียนเป็นคนที่ศึกษาเรื่องของธรรมะมาพอสมควร...ก็พอจะสรุป ให้ฟังพอเข้าใจ......ถ้าบางคนรู้สึกไม่ดีต่อคนที่ใส่พระเครื่อง....ให้ลองมองอีกด้านหนึ่ง...คนที่ใส่พระเครื่อง ก็คือคนที่บูชาของที่สูงที่สุด  นั่นก็คือ  ตัวแทนของพระพุทธเจ้า พระเครื่องเปรียบเสมือนตัวแทนของพระพุทธเจ้า....เพราะฉะนั้น เขาเอาของที่สูงที่สุดมาไว้กับตนเอง...เพื่อให้ตนเองพ้นเคราะห์  หรือสิ่งที่ไม่ดีไม่อาจเข้ามาใกล้ได้ 



หากคนที่ห้อยพระเครื่องและรำลึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้าอยู่เสมอ....กับคนที่ไม่ห้อยพระเครื่อง และก็ไม่ค่อยนึกถึงคุณความดีของพระพุทธเจ้า  เขาทั้งสองคนถ้าเกิดตายพร้อมกัน หรือ หากบุคคลที่ห้อยพระเครื่องมีดวงถึงแก่ความตายเวลานั้น    หรือ  ประสพอุบัติเหตุตายพร้อมกัน  เขา  สองคนนี้จะมีที่ไปคือ  คนห้อยพระไปสวรรค์ทันที  ส่วนคนไม่ห้อยพระไปตามแรงกรรมของตนเองที่ทำไว้  หากทำชั่วไว้มากก็ไปนรกทันที  หากทำดีบ้าง ทำชั่วบ้างผสมกัน  ก็ต้องรอไปต่อคิวเข้าแถว รอท่านยมบาลเรียก ไปสอบสวนการทำดี ทำความชั่ว


คนที่ไม่ห้อยพระเครื่อง  เพราะไม่ชอบหรือ มีเหตุอะไรก็ตามแต่....เมื่อคุณเห็นคนห้อยพระเครื่อง....จงใช้เหตุการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์แก่ตนเอง  นั่นคือ  เป็นเครื่องเตือนใจ  หรือ เป็นเครื่องเตือนสติ ให้เราคอยระลึกนึกถึงความดีของ  พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  อยู่เสมอ  ....ใช้เป็นกรรมฐานหมวดหนึ่ง  นั่นคือ  พุทธานุสติกรรมฐาน....กรรมฐานกองนี้...ก็คือระลึกนึกถึงความดีของ  พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์   

เวลาที่เราเผลอคิดเรื่องอกุศลต่างๆ  จึงใช้เหตุการณ์รอบด้านเป็นเรื่องสะกิจตัวเราให้รู้สึกตื่นขึ้นมาจากความคิดที่มันเลื่อนลอยหาจุดหมายไม่ได้....หากเราใช้พระเครื่องเป็นเครื่องคอยสะกิจเรา  ให้เราไม่เผลอคิดไปในทางชั่วก็ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกับตนเองเมื่อถึงแก่ความตามจะได้ไปสวรรค์...ทันที...จงนำธรรมะเข้ามาสู่ใจเราแต่เนิ่นก่อนที่เราจะเวียนตายเวียนเกิดไม่รู้จักจบจักสิ้น.....


โชคดีที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์จงใช้เวลาอันดีนี้เพื่อสร้างสมความดีไปพร้อมกับการงานของเรา  อย่าใช้เวลาอันมีค่าให้ไร้ประโยชน์ไปอีกชาติหนึ่ง....โดยไร้เปล่าประโยชน์.....เมื่อเห็นคนใส่พระเครื่องจงเปลี่ยนความคิดเป็งแง่บวก....เพื่อตัวเราเอง.....


วันพุธที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทำไมเขาถึงชอบเสาะแสวงหาพระสงฆ์ดีๆ


ภาพพระสงฆ์
ภาพพระสงฆ์
คนที่เขาชอบเสาะแสวงหาพระสงฆ์ดีๆ  ก็เพราะว่า  หากใครที่เจอพระอรหัตผล  เขาผู้นั้นคือคนที่โชคดี ถ้าเราทำบุญกับพระที่หมดกิเลสจะทำให้พวกเรารวยเร็ว...บุญที่ได้ก็จะได้มากกว่า...ยิ่งเป็นพระที่ออกจากนิโรธสบัติใหม่...ถ้าเราใส่บาตรวันนั้นรวยขึ้นมาทันตาเห็น.....แล้วถ้าอธิษฐานขออะไรก็จะสมความปรารถนาได้ดังใจหวังทันที...ไม่ว่าเราจะขอเรื่องอะไรก็ได้แต่ต้องเป็นเรื่องของความดี....
ทำไมเขาถึงชอบเสาะแสวงหาพระสงฆ์ดี  คำตอบข้างบนก็คงจะเป็นที่ประจักษ์ ถ้าคนที่ไม่เคยเข้าวัดก็มองว่าเป็นเรื่องบ้า แต่คนที่คิดว่าคนอื่นบ้าเขานั้นแหละบ้ากว่าใคร ใครที่ชอบตำหนิติเตียนผู้อื่น  พระพุทธเจ้าท่านว่าอยู่ในพวกเดียวกัน....ก็หมายความว่าถ้าไม่บ้าเหมือนกันก็ว่าเขาไม่ได้...คนจะบ้าก็เรื่องของเขาเราไม่เกี่ยว.....
รูปพระสงฆ์
รูปพระสงฆ์
ถ้าในสมัยนี้มีพระสงฆ์ พระอริยเจ้า หรือ พระอรหัตผลมากอย่างสมัยแต่ก่อน...พวกเราชาวไทยที่ชอบการทำบุญ...คงจะรวยกันถ้วนหน้า....ไม่ต้องมานั่งคอยว่าจะไปวัดโน้น..วัดนี้ดี...ใครว่าอย่างไหนดีก็ตามกันไป....ไม่รู้เหนือไม่รู้ใต้...ที่มีคนถามว่า...ทำบุญตั้งมากมายชีวิตไม่เห็นดีขึ้น....บางท่านก็อาจจะลืมไปว่า...กรรมของแต่ละคนไม่เหมือนกัน....บางคนเจอกรรมหนักให้ผล...บางคนกรรมเบาให้ผล.....ชีวิตของคนเราเอาแน่เอานอนไม่ได้.....เราไม่รู้ว่าเราทำกรรมอะไรไว้แต่บางก่อน.....แล้วชาติก่อนๆโน้นอีกละ....กรรมบางทีชาตินี้เราไม่ได้ทำ...แต่กรรมเก่าแต่หนหลังที่เราทำไว้ไม่รู้ชาติไหนตามมาให้ผล.....กรรมเป็นเรื่องอาจินไตร...ไม่สามารถคาดเดาได้....ใครทำอย่างไรก็ย่อมได้อย่างนั้น...เมื่อกรรมให้ผล...จงรู้ไว้ด้วยว่าเราเคยทำแบบนี้กับคนอื่นในชาติใดชาติหนึ่ง....ให้เราปลงซะ.....แล้วให้อภัยจะได้ไม่เจอกันอีก...กรรมจะได้หยุดให้ผล...แล้วเริ่มต้นด้วยการให้ทานทำบุญทุกรูปแบบอย่างเช่น การสร้างพระ ถือศีล 5  ให้บริสุทธิ์  เริ่มศึกษาการทำสมาธิ....เพื่อวิ่งหนีให้กรรมตามไม่ทัน........

การทำบุญกับพระสงฆ์  หรือ กับพระสงฆ์ที่ทุศีล  ให้คุณรู้ไว้ว่าได้บุญแต่บุญนั้น...ชาตินี้อาจส่งผลไม่ทัน...จะส่งผลให้ชาติหน้า  หรือเมื่อเราตายไปแล้วเท่านั้น...หรือไม่ก็ส่งผลชาติต่อๆ ไป...ฉะนั้นทำไว้เถอะบุญ....ถ้าไม่เพื่อชาตินี้...ก็ให้เพื่อชาติหน้า....ชาติหน้าเราจะได้รวยๆ กัน....


บัดนี้ก็รู้แล้วนะว่าทำไมเขาจึงต้องเสาะแสวงหาพระสงฆ์ดีๆ กัน....เพราะจะได้บุญมาก....และบุญก็จะนำซึ่งความโชคดีและร่ำรวย....

วันอังคารที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2556

สร้างพระ เพื่ออะไร


ภาพสร้างพระ
ภาพพระพุทธรูป

สมัยนี้มีการสร้างพระ  กันมาก  แต่ก่อนก็สงสัยเหมือนกันว่าเขาสร้างพระกันทำไมเยอะแยะ และก็สร้างแต่ละแบบไม่ค่อยจะเหมือนกันเลย...และสมัยนี้เป็นเทรนใหม่นิยมสร้างพระแบบทรงเครื่องกันมาก เพื่ออะไรมาดูกัน

สร้างพระ
ขั้นแรก  สร้างพระ ก็เพื่อ ใช้เป็นกรรมฐาน ทางด้านพุทธานุสติกรรมฐาน ในการระลึกนึกถึงคุณความดี พระพุทธ  พระธรรม  พระสงฆ์  เพราะเมื่อเราเห็นพระก็จะทำให้เราเกิดศรัทธา และยกมือไหว้  และเมื่อเราเกิดตายตอนนั้นก็จะทำให้เราไปเกิดในแดนสวรรค์ทันที  เป็นการปลุกตัวเอง  หรือ เตือนใจตนเองให้คอยระลึกนึกถึงพระ  เพราะการบูชาพระพุทธเจ้า จะทำให้เรามีเดช มีอำนาจมาก

  


ขั้นที่สอง สร้างพระ เพื่อให้ได้บุญ บุญก็จะนำพาไปสวรรค์เหมือนกัน  แต่สมัยนี้จะเห็นว่านิยมสร้างพระแบบทรงเครื่องกันมากก็เพราะ  ใครสร้างพระแบบใหนก็จะได้แบบนั้น  หากเราใส่เพชรพลอย ทองคำ ประดับองค์พระ  หากเรายังไม่บรรลุเข้าพระนิพพานในชาตินี้  เกิดชาติหน้า จะทำให้เรามีเดช มีอำนาจมาก และเครื่องประดับที่ใช้สร้างพระเราก็จะได้แบบนั้น เมื่อเรามาเกิดเป็นมนุษย์ หรือ ถ้าเกิดเป็นเทวดา วิมานเขาเราก็จะประดับประดาไปด้วยทองคำ เพชร และพรอย  ตามแบบที่เราสร้าง  พูดให้ง่ายๆ  สร้างแบบไหนเราก็ได้แบบนั้น  เหมือนการให้ทาน ให้ของที่ใช้แล้ว หรือ ให้ของที่เลวกว่าเราใช้ ถ้าเกิดใหม่ในภายภาคหน้าก็จะได้ใช้ของเก่าๆ ที่เขาใช้แล้ว....ฉะนั้นเวลาทำบุญต้องถวายของที่ดีเสมอตัว หรือ ดีกว่าของที่เราใช้อยู่เราก็จะได้แบบนั้น....





วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ความสุข คือ อะไร (What is happiness)


ความสุขอยู่ที่ใจ
ความสุขของฉัน
ความสุขคืออะไร  บางคนก็ให้คำนิยามของความสุขนี้ว่า  การอยู่กับคนที่เรารักก็มีความสุข  การที่เรารวยถึงจะมีความสุข การมีชีวิตที่ดีขึ้นถึงจะมีความสุข ความสมหวังคือความสุข  แค่ได้ให้ก็มีความสุข แล้ว “ความสุขคืออะไร” กันแน่.....หลายคนก็กำลังค้นหาความสุขกันอยู่....และอีกหลายๆ คนก็กำลังมีความสุข  และอีกหลายคนกำลังทุกข์เพราะหาความสุขไม่เจอสักทีแล้วอย่างนี้ความหมายของความสุขคืออะไร
การใช้ชีวิตให้มีความสุข
ความสุขเล็กๆของฉัน
ผู้เขียนขอให้คำนิยามของความสุข  ก็คือ  การที่เราทำกิเลสในจิตเราให้น้อยลง  กังวลให้น้อยลง ทุกข์ให้น้อยลง โกรธให้น้อยลง เศร้าให้น้อยลง  เสียใจให้น้อยลง  อยากให้น้อยลง หลงให้น้อยลง รักให้น้อยลง โลภให้น้อยลง เกลียจให้น้อยลง ในหัวสมองไม่ต้องคิดเรื่องอะไร  ปล่อยให้ว่างจากความคิดทั้งปวง....นี่แหละคือคำตอบ ให้หลายคนนำไปคิด “ความสุข คือ อะไร” ว่าใช่หรือเปล่าที่ผู้เขียนให้นิยามไว้....


แต่ผู้เขียนกำลังจะบอกว่า....ต่อให้คุณค้นหาไปจนตายก็ไม่เจอ...ถ้าคุณหาจากภายนอก...หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ  ต้องหาจากภายในเท่านั้นถึงจะเจอ....โดยเฉพาะคนสมัยนี้....อยู่บนโลกใบนี้ด้วยการ นำหน้า  ด้วยความอยากขึ้นหน้า  ภายในใจนี้มีแต่ความเร้าร้อน  เต็มไปด้วยความรัก  โลภ  โกรธ  หลง แก่งแย่งแข่งขันกันไม่เว้นแม้แต่ละวัน 
ถ้าความรัก โลภ โกรธ หลง ของเราลดน้อยลง หรือหมดไปจากใจเรา  เมื่อนั้นเราจะค้นพบ  คำว่า  “ความสุข  คือ  อะไรความสุขที่แท้จริง  ก็คือ  จิตที่หมดกิเลสแล้วเท่านั้นถึงจะเรียกว่า  “ความสุข”  แล้วคุณละให้ความหมายของความสุขคืออะไร.....สุขแท้หรือสุขปลอม....ความสุขปลอมจะทำให้คุณเกิดแล้วเกิดอีก....ไม่รู้จักจบจักสิ้น...ลองหาจากภายในดูนะค่ะ

วันอาทิตย์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ทำบุญอะไรได้เป็นเทวดา



ใส่บาตรพระ

ทำบุญอะไรได้เป็นเทวดา  บุญทุกรูปแบบทำให้เราได้เป็นเทวดาทั้งนั้น...พระท่านบอกว่าทำบุญอยู่ที่เจตนาเป็นหลัก บุญอันใดที่เราต้องใจทำแล้ว บุญนั้นแหละจะทำให้เราเป็นเทวดาหลังจากที่เราตายไปแล้ว...แต่ว่าเราจะต้องไม่สร้างบาป ถ้าเราสร้างบาปผสมกับสร้างความดี...อันนี้เมื่อตายไปท่านยมบาลเขาจะเป็นผู้ตัดสินว่าเราจะได้ไป ณ ที่แห่งใด ระหว่างไปสวรรค์ กับ ไปนรก ก่อน  ส่วนมากคนสมัยนี้...เป็นเทรนใหม่สำหรับสมัยนี้ก็คือ  การนิยมไปนรกมากกว่าจะอยากไปสวรรค์

ปิดทองพระ
นอกจากในเรื่องของการทำบุญ การรักษาศีล 5 ให้บริสุทธิ์  เราก็จะได้ไปเกิดเป็นเทวดาเหมือนกัน  การจะเกิดเป็นเทวดาได้ต้องมีศีล 5  ประจำเท่านั้น  ถึงจะเป็นหลักประกันว่าเราจะได้ไปสวรรค์อย่างถาวร...ไม่ต้องรอให้ท่านยมบาลมาเรียกเอาตัวไปสอบสวนเมื่อตายไป....ส่วนคนที่ถือศีล 5  บริสุทธิ์ เมื่อตายไปก็จะได้ไปเกิดเป็นเทวดาทันทีไม่ต้องไปเฝ้ายมบาล...แต่จะมีขบวนของนางฟ้า...ชั้นโน้น...ชั้นนี้  มาเรียกให้เราไปอยู่ด้วย
นอกจากถือศีล 5  ห้า  ให้บริสุทธิ์  การทำสมาธิก็จะทำให้เราไปเกิดเป็นเทวดาเหมือนกัน  ใครที่ชอบการนั่งสมาธิตายแล้วก็จะเกิดเป็นเทวดาชั้นสูง ตั้งแต่ชั้นที่  3 ขึ้นไป  พระท่านบอกไว้ว่า  คนที่ชอบนั่งสมาธิสวดมนต์จะได้ไปเกิดเป็นเทวดาชั้นที่ 3 ขึ้นไป...
คนที่ลำบากยากจน...เพราะถูกชะตากรรมเก่าที่เราสร้างไว้ให้ผล....หากชาตินี้สร้างแต่ความดีเข้าไว้....เมื่อตายไปก็จะได้ไปเกิดเป็นเทวดาได้เหมือนกัน...การเกิดเป็นเทวดา  พระท่านบอกว่าดีกว่าเป็นมนุษย์หัวแถว.....


วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2556

เทวดามีจริงไหม


เทวดามีจริงไหม


เทวดา มีจริงไหม คำนี้ก็คงเป็นที่สงสัยกับอีกหลายๆ คน ที่ไม่เชื่อว่าเทวดาจะมีจริง  หรือ โดยเฉพาะยุคสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่  แต่สิ่งใหม่ๆ ออกมาให้ทดลองกันเลื่อยไป และคนที่สนใจแต่เฉพาะแต่เรื่องที่ต้องพิสูตรได้เท่านั้นถึงจะเชื่อ  เรื่องนี้เป็นเรื่องเร้นลับ ซึ่งชาวเราทั้งหลายที่เต็มไปด้วยกิเลสหนาเต็ม แกะยังไงก็แกะไม่ค่อยออกนี้ ก็ยิ่งอยากที่จะมองเห็นในมิติที่ 3 หรือ อีกหนึ่งที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
การจะพิสูตรว่าเทวดามีจริงไหม  ก็มีทางพิสูตรเช่นกัน  เทคโนโลยีสมัยใหม่ยังทำให้เป็นจริงได้....หากใครจะต้องการจะพิสูตรว่าเทวดามีจริงไหมนั้น  ท่านต้องทำการนั่งสมาธิเท่านั้นถึงจะเห็นเทวดาได้  แนะนำให้ไปที่วัดท่าซุงที่นั้นฝึกให้เราเห็นเทวดาได้....ลองไปพิสูตรกันดูว่าเทวดามีจริงไหม.....
ใครที่ไม่เชื่อจะได้เชื่อ.....แล้วถ้าหากใครที่เชื่อว่าเทวดามีจริง.....ถือว่าท่านเข้าข่ายของคนที่มีความเห็นถูก.....เพราะว่าถ้าคุณเชื่อว่าเทวดามีจริง  คุณจะเริ่มเกรงกลัวต่อบาป  ต่อการทำผิดบาปทั้งปวง...ซึ่งสิ่งนี้จะทำให้คุณได้กลายเป็นเทวดาเดินดิน....กายเป็นมนุษย์...แต่ใจเป็นเทวดา....ตายไปก็ย่อมจะได้ไปสวรรค์นรกก็จะเรียกลงมาไม่ได้.....
คนที่มีความเห็นถูก...ย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง...และพระพุทธเจ้าท่านก็ตรัสไว้เองว่าเทวดานั้นมีจริง  แล้วเราจะกลายเป็นเทวดาเดินดินหรือเมื่อตายไปแล้ว...จะเป็นเทวดาได้อย่างไร ต้องอ่านบทความนี้ วิธีทำให้เกิดเป็นเทวดา

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากจริงหรือ


การเกิดเป็นมนุษย์นั้นอยากอย่างไร

การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากจริงหรือไม่จริง....หากคุณผู้อ่านนึกภาพไม่ออก  ให้ลองสังเกต สังคมของมด  สังคมปลวก  สังคมของแมลง สังคมของสัตว์ทั้งหลายที่แวดล้อมรอบตัวเรา...คุณจะเห็นว่ามีมากมายกายกอง  แล้วคุณเคยสังสัยไหมว่า...พวกเราที่มนุษย์  เป็นสัตว์ต่างกันอย่างไร......
ถ้าผู้เขียนกำลังจะบวกว่า...เราทั้งหลายที่เป็นมนุษย์  เป็นสัตว์ทั้งหลาย  ล้วนเคยเกิดเป็นมนุษย์  เคยเกิดเป็นสัตว์จนนับครั้งไม่ถ้วน....น้ำที่เห็นอยู่ในมหาสมุทรยังเทียบไม่ได้กับน้ำตาของมนุษย์ที่ล่วงหล่นอยู่ในพื้นปฐพีนี้เลย...พื้นแผ่นดินที่เราทั้งหลายเหยียบอยู่ล้วนประกอบไปด้วยซากศพของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่เป็นมนุษย์และสัตว์ทับทบกันเป็นเวลานานจนนับเวลาไม่ได้.....กระดูดและซากศพกองรวมกันก็หาประมาณไม่ได้
สังคมของสัตว์ทั้งหลายนั้นเป็นพวกที่ชดใช้กรรมอยู่  ก่อนเกิดมาเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์  และก่อนที่จะเกิดมาเป็นสัตว์พวกเขาเหล่านั้น...ก็ได้ไปเกิดในนรกตามขุมต่างๆ  ตามแรงกรรมของตนที่ทำมา....หลังจากตกนรกตามขุมต่างๆ  แล้ว ก็มาเกิดเป็นเปรต....หลังจากเกิดมาเป็นเปรต...ก็มาเป็นอสูรกาย....หลังจากอสูรกายก็มาเกิดเป็นสัตว์......หลังจากสัตว์ก็มาเกิดเป็นมนุษย์  แถมเป็นมนุษย์ที่ยากจนอีก.....แล้วถ้าชาติก่อนทำบาป หรือ  ทำผิดศีล 5  ข้อไหนมากที่สุด  เราก็จะได้รับผลกระทบตามข้อนั้นมากที่สุด...
พอจะมองภาพออกแล้วใช่ไหมว่า การที่เรากว่าจะเกิดมาเป็นมนุษย์นั้นยากมากแค่ไหน คงจะมองภาพกว้างออกแล้วนะ....แล้วเวลที่เราไปตกนรกเวลาในโลกมนุษย์  กับนรก  กับสวรรค์ไม่ตรงกันนะ สำหรับสวรรค์และนรก  1 วันของเขา เท่ากับ  50  ปีของเรา.....คิดดูแล้วกันนานแค่ไหน....ตายไปไปตกนรกแค่วันเดียวปาไป 50 ปีของมนุษย์  แล้วถ้าเราสร้างบาปกรรมหนักไปตกนรก  1 ล้านปีของเขา  ก็คูณเอาแล้วกันว่ากว่าจะเกิดเป็นมนุษย์มันยาก และยาวนานแค่ไหน.....
หากใครที่ไม่ใช่คนพุทธที่แท้จริง ก็จะถูก ความเห็นผิด หรือ เรียกว่า อวิชา คือ ความไม่รู้ ความเห็นผิด ปิดบังเอาไว้  ก็จะเริ่มทำผิด....หรือสะสมบาป....และไม่รักษาศีล 5.....และเมื่อนั้นความเป็นมนุษย์ก็จะน้อยลงไปทุกที......กายเป็นมนุษย์แต่ใจกับเป็นสัตว์ทุกที......อย่างนี้ก็คงหวังผลมีที่ไปคือนรกเป็นแน่แท้......
หากคุณเป็นเพื่อนกับหมาที่เป็นขี้เลือนได้ กับเป็นเพื่อนกับแมลงสาปได้....เมื่อนั้นคุณจะค้นพบตัวตนของคุณ...การถือตัวถือตนของคุณก็จะหมดไป...คุณจะให้เกลียจกับทุกชีวิตที่อยู่บนโลกใบนี้เท่าเทียมกัน.....ไม่แบ่งแยกชนชั้นวรรณ....คุณจะให้อภัยได้ทุกอย่าง....ถ้าวันนี้คุณเริ่มต้นศึกษาธรรมะอย่างจริงจัง....ธรรมะคือ ธรรมชาติของชีวิตเราเอง...ศึกษากายและใจของตัวเราเอง....มีเท่านี้แหละธรรมะ......