วันศุกร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2566

วิธีการบรรเทาเคราะห์แบบง่ายๆ

🔷#วิธีการบรรเทาเคราะห์แบบง่ายๆ🔷 หลังจากทำพิธีสะเดาะเคราะห์จากทางวัดแล้ว องค์หลวงพ่อได้แนะนำวิธีเสริมสะเดาะเคราะห์ให้ด้วยการ กลับไปบ้หน้าบูชาพระ แล้วก็บูชาพระ เมื่อบูชาพระเสร็จท่านบอกว่า "ให้อุทิศส่วนกุศลให้กับเจ้ากรรมนายเวร" แล้วก็เอาน้ำนั้นไปรดที่โคนต้นโพธิ์ ถ้าใกล้บ้านมีต้นโพธิ์ หรือใกล้วัดมีต้นโพธิ์ ถ้าไม่มีต้นโพธิ์ให้เอาไปเทที่กลางแม่น้ำ หรือให้ไปเทที่โคนต้นไม้ใหญ่ที่มีแก่นก็แล้วกันเพราะต้นไม้ใหญ่ทุกต้นมีแก่นมีรุกขเทวดา ท่านบอกว่า ถ้าทำอย่างนี้เคราะห์ของท่านจะบรรเทาลงมาก "คำว่าเคราะห์จะให้หมดน่ะไม่ได้" มันเป็นบาป บาปเก่าสิ้นไป บาปใหม่ก็มีมาตอนที่อุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร ที่บอกให้เอาดอกมะลิใส่น้ำใสบูชาพระพุทธรูป ตอนนี้แหละบรรดาเจ้ากรรมนายเวรบอกว่า "สดชื่นเหลือเกินครับ ผมเยือกเย็นและสดชื่นมาก"อย่างนี้สลัดง่าย หมายความว่าเขาไม่เกาะง่ายนะที่มา: หนังสือ พ่อรักลูก ๓ หน้า ๑๗๘หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹🔹

วันศุกร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2557

การทำอารมณ์และวิธีการสวดคาถาเงินล้านให้ได้ผล


การสวดมนต์

ถ้าใครไม่รู้จักคาถาเงินล้าน ก็เข้าไปถามทาง พี่ google มีตรึม แต่ในที่นี้จะขอบอกเป็นแนวทางในการทำอารมณ์ในการสวดคาถาเงินล้าน....และนำไปทดลองทำอารมณ์ดูว่าทำแบบนี้ได้ผลไหม...ถ้าไม่ได้ผลก็ต้องหาวิธีอื่นที่จะทำให้เราทำอารมณ์ให้ถูกต้องในการสวดคาถาเงินล้าน ที่หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านให้ไว้  และก็มีหลวงพ่อปานท่านให้มาอีกที แล้วก็มีพระปัจเจกพุทธเจ้าท่านให้มาอีกที...มาหลายลำดับเลย....รวมความว่า พระพุทธเจ้าได้ให้ไว้....

แต่คาถาจะมาอย่างไร....ก็ปล่อยไว้ก่อนตอนนี้มาทำอารมณ์กันก่อน...มีบางคนบอกว่าสวดมาหลายปีไม่เห็นได้ผลเป็นประการใดเลย....หลวงพ่อท่านถามว่าสวดวันละกี่จบ  โยมบอกว่า สวดวันละจบ ...พระท่านว่าจบแห่.....การจะสวดคาถาอะไรก็แล้วแต่หากสวดไปแต่สักแต่สวดให้มันจบไป...อย่างนี้ให้สวดจนตายผลก็ยังไม่ได้ปรากฏ ผลจะปรากฏหลังเราตายไปแล้ว....แต่จะให้ได้ผลในปัจจุบันทันด่วนเลย....ก็ต้องสวดด้วยความตั้งใจ....สวดให้เป็นฌาน....หรือให้จิตเรานิ่งที่สุด หรือ ไม่ให้จิตเคลื่อนออกจากบทสวด

การทำอารมณ์ในการสวดคาถาเงินล้านให้ได้ผล นั้น  ในขณะที่เราสวด  ห้ามให้อารมณ์ใดๆเข้าแทรกได้ หรือ จะพูดอีกอย่างก็คือ ห้ามให้จิตเคลื่อนออกจากคาถา  หรือ ห้ามคิดเรื่องอื่นๆ ที่ไร้สาระ หรือ ความคิดที่เป็นอกุศลห้ามให้เข้ามาแทรกในจิตเราขณะที่เราสวดคาถาเงินล้านอยู่

หากจิตเคลื่อนออกไปแสดงว่า การสวดครั้งนี้ยังไม่ถึงขั้น  หมายความว่า จิตเรายังไม่ทรงตัว....ไม่สามารถทำฌานให้เกิดขึ้นได้ ....หากเราสวดคาถาเงินล้านไปจิตจับอยู่ที่ตัวคาถาเงินล้าน หรือ จิตเราไม่เคลื่อนออกเลย นาน 1 ชั่วโมงต่อวันได้  พระท่านว่าเงินจะไหลมาเทมา จะทำบุญจะสร้างกุศล จะสร้างโบถส์กี่หลังก็ย่อมทำได้...พระท่านว่าอย่างนั้น

สรุปการทำอารมณ์ในการสวดคาถาเงินล้าน ก็คือ การห้ามให้จิตเคลื่อนออกจากตัวคาถา...เพราะจะทำให้จิตเราทรงฌาน หรือ เป็นสมาธิได้ง่าย......หากเราสวดไปคิดเรื่องอื่นไปอันนี้สวดเท่าใดก็ไร้ผล และยิ่งเราสวดไปสักแต่ว่าให้ครบจบ หรือให้จบไปอันนี้ก็ไร้ผล พระท่านบอกว่าถ้าสวดแบบนี้ได้ผลครึ่งเดียว และอีกนานกว่าจะเห็นผล เมื่อเราสวดไปนานไม่เกิดผลก็จะทำให้ท้อแท้ไม่อยากสวด ก็เพราะเราสวดไม่ถูกต้องก็เลยไม่ได้ผล  วันหนึ่งพระท่านบอกว่าในการสวดคาถาเงินล้าน หากเราเริ่มสวดจากจบเดียว ให้เราดูจิตเรา ว่าจิตเราเคลื่อนออกจากคาถาไหม หากไม่เคลื่อนให้เพิ่มเป็น 9 จบ และให้ดูว่าเคลื่อนไหม ถ้าไม่เคลื่อน ให้เพิ่มจบเข้าไป 30 จบ 50 จบ จนสวดให้ได้วัน 108 จบทุกวัน  หรือ มากกว่านี้ได้ยิ่งดี
หลายคนอาจจะมีคำถามว่า แล้วสวดยังไงไม่ให้จิตเคลื่อน อันนี้ต่อบทความหน้า 

วันศุกร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2557

วิธีระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์


บางคนก็ยังไม่รู้ว่าระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้าเป็นอย่างไร บางคนกราบพระใจนึกถึงเรื่องอื่นอันนี้ไม่ใช้  เป็นการสักแต่ว่ากราบ  แต่ใจขุ่นมัว อันนี้ไม่ถูก...กราบกี่ปีก็เข้าไม่ถึงพระ...

วิธีระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ก็คือ การระลึกนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า นึกยังไง ก็นึกว่า ท่านเป็นบุคคลที่กิเลสในจิตไม่มีแล้ว เป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นผู้ที่ควรแก้การเคารพนบไหว้....การจะบอกความดีของพระพุทธเจ้าจะพูดไปแล้วก็หาที่สุดไม่ได้ จะนำมาบอกหมดก็คงบรรยายกันยาว   รวมความแล้วก็คือการระลึกนึกถึงความดีของพระพุทธเจ้า  พระท่านบอกว่า ความดีของพระพุทธเจ้าจะว่ากันจนหมดปีหมดชาติ หมดไปจนหนึ่งกัป ก็ว่าไม่หมด ท่านว่าไว้อย่างนี้ เอาแบบรวบรัด ก็คือ เวลากราบให้ระลึกนึกกราบพระพุทธรูปให้มีอยู่ในจิตเราตลอดเวลา 


วิธีระลึกนึกถึงคุณของพระธรรม  พระท่านบอกว่าให้เรานึกถึงดอกบัวแก้วออกมาจากปากพระพุทธรูปล่วงลงมาที่กลางกระหม่อม หรือ กลางหัวของเรา


วิธีระลึกนึกถึงพระสงฆ์  ก็ให้เราเวลาก้มลงกราบท่าน ก็ให้นึกถึงพระสงฆ์ที่เป็นพระสุปติปันโน หรือ พระอรหัต์  หรือ พระสงฆ์ที่เราเคารพ ให้นึกถึงเรากราบแทบเท้าท่าน...


สรุปแล้ว เวลาเรากราบพระ หรือ การสวดนะโม หรือสวดบทเริ่มต้นบทอะไรก็แล้วแต่  ก็ให้ระลึกนึกถึงคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ แบบที่แนะนำข้างต้น ให้ระลึกนึกถึงแบบนี้ผลบุญถึงจะเข้าถึงจิตใจของเราอย่างแท้จริง...

วันพุธที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2557

วิธีวัดจิตทรงฌาน



การที่จะรู้ว่าจิตของเราทรงฌาน ถ้าจะรู้กันจริงๆ มันยาก  แต่วิธีวัดจิตทรงฌาน นี่ง่าย  การที่จะรู้ว่าฌานของเราทรงตัวหรือไม่ทรงตัว พระท่านบอก ....โดยอาศัย 1 ในวิชชาสาม  หรือว่า 2 ในวิชชาสาม  นั่นก็คือ ทิพจักขุญาณ  หรือปุพเพนิวาสานุสสติญาณ  (ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ นี่คือ การระลึกชาติได้)

อันนี้คนที่ไม่เคยฝึกมาก่อนก็จะเข้าใจข้อนข้างยาก แต่หากไปวัดท่าซุง หรือ ที่บ้านสายลม  ลองไปฝึกมโนมยิทธิ จะเข้าใจได้ง่าย สำหรับคนที่ฝึกมาแล้ว พระท่านบอกว่า วิธีวัดจิตทรงฌาน โดยใช้กำลังของมโนมยิทธิ ที่เราฝึกได้  หรือ ที่เราทำได้  เวลาเราทำกับข้าว  ดายหญ้า ตักน้ำ หุงข้าว ใช้วิธีวัดจิตทรงฌานขณะเรากำลังทำงานหรือกำลังทำกิจกรรมต่างๆ ให้เรานึกปั๊บ.....งานหรือกิจกรรม อย่างเช่นหุงข้าว งานหุงข้าวนี้เราทำมากี่ชาติแล้ว ชาติก่อนๆ  เราเคยทำไหม ก็ดูภาพ ภาพมันจะปรากฏทันที อันนี้เรียกว่า วิธีวัดว่าจิตทรงฌาน

หากว่าอ่านแล้วไม่เข้าใจแนะนำให้ไปที่วัดท่าซุงหาหนังสือมาอ่านเกี่ยวกับการทำสมาธิ มีหลายเล่ม แล้วหนังสือที่นั่นราคาค่อนข้างถูกกว่าท้องตลาด และอ่านเข้าใจง่าย....ทำตามได้เลย.....หากว่าทุกคนฝึกฌานให้มีในตนเองจะได้รู้ว่าสวรรค์ นรกมีจริง นิพพานมีจริง....ทางที่จะพ้นทุกข์มีจริง...ใครที่กำลังทุกข์ต้องหัด ให้ทาน รักษาศีล เจริญสมาธิให้มากๆ  เริ่มต้นศึกษาธรรมจะได้หนีทุกข์ได้...

วันจันทร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2557

จิตทรงฌานเป็นอย่างไร


ฌาน

จิตทรงฌาน ก็คือ  ขณะเราทำงานอยู่  พูดคุยอยู่กับเพื่อน พูดคุยกับแฟน กับพ่อแม่ กับญาติมิตร หรือ อ่านหนังสือ ฟังเทป ดูโทรทัศน์ ฟังเทฟ ฟังเทศน์ ดายหญ้าวัด หุงข้าว ทำกับข้าว ผ่าฟืน ตักน้ำ ขับรถ ทำงานทุกอย่างอยู่ จิตของเราสบายใจ  ไม่มีอารมณ์เป็นอกุศล มีอารมณ์เป็นกุศล  อย่างนี้เรียกว่าจิตทรงฌาน

ใครทำตามนี้ได้ก็รับประกันว่านรกจะไม่ถามถึง.....หากว่าจะตายขณะทำกับข้าว ผ่าฟืน ตักน้ำ  ขับรถ ทำงานอะไรอยู่ก็แล้วแต่  ถ้าตายลงเดี๋ยวนั้น...ไปสวรรค์ทันที...การทำจิตให้ทรงฌานมันดีอย่างนี้....คนสมัยนี้ไม่รู้แม้กระทั่งจิตทรงฌาเป็นอย่างไร....และก็ไม่รู้วิธีการทำสมาธิที่ถูกต้อง....ถ้ายังประมาทในการใช้ชีวิตอยู่อย่างนี้มีหวังนรกถามหาทุกวัน....ฉะนั้นให้เริ่มต้นจากง่ายๆ ก่อน ก็คือการสละออก ก็คือ  การให้ ทาน  รักษาศีล  เจริญสมาธิ  ทำได้ทุกเวลายิ่งดี  ยิ่งทำมากยิ่งได้มาก...เราเกิดมาชาติหนึ่ง หรือ มาเป็นมนุษย์นี้ถือว่าโชคดี....เพราะเราสามารถเลือกได้ว่าเราจะไปนรก หรือว่าไปสวรรค์...

หากเราเลือกไปสวรรค์เราก็เริ่มจากการให้ทาน รักษาศีล  เจริญสมาธิ ทำจิตทรงฌาน ตลอดเวลา หรือ ทำจิตให้คิดแต่เรื่องกุศล....ถ้าหากอยากไปนรก ก็ให้สะสมแต่จิตที่คิดแต่อกุศล...แล้วจะไปนรกสมใจ  อันนี้เราเป็นคนเลือกเอง

ฉะนั้นในการใช้ชีวิตทุกขณะของชีวิต อย่างให้สูญเปล่าประโยชน์....เพราะเรามีสองทางให้ไปคือนรกกับสวรรค์ แต่คนสมัยนี้นิยมไปนรกมากกว่าไปสวรรค์  ก็ขอให้ทุกคนโชคดี ทำจิตตนเองให้เป็นฌานตลอดเวลา

วันศุกร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2557

วิจัยสวดอิติปิโส 108 จบ



วันนี้ชีวิตและครอบครัวของผู้เขียนอยู่ในขั้นย่ำแย่.....เป็นหนี้เป็นสิน....และมีผู้แนะนำให้สวด อิติปิโส 108 จบทุกวัน....หลายคนสวดเห็นผลเป็นที่พอใจ  บางคนสวดโรคที่เป็นอยู่ก็เบาลงจนถึงหายไปเลย....บางคนสามีมีเมียน้อยก็กลับมาขอคืนดี.....วันนี้ผู้เขียนเป็นหนี้ต้องการให้หนี้หมดไป......และให้งานที่ผู้เขียนกำลังทำอยู่นี้สำริดผลมีเงินเข้ามาเรื่อยๆ จนใช้หนี้ได้หมด....และให้มีมีกินมีใช้ ......และผู้เขียนจะเริ่มต้นสวดอิติปิโส 108 บ ตั้งแต่วันที่ 3 เดือนมกราคม 2557 นี้เป็นต้นไป มาดูกันนะค่ะว่าความเปลี่ยนแปลงจะเป็นอย่างอย่างไร.....

ผู้เขียนก็หวังว่างานที่ผู้เขียนทำจะสมัครผ่าน.....และได้โฆษณามาลงบล็อกได้....สิ้นเดือน มกราคมนี้ผู้เขียนจะสมัคร เอาโฆษณา ของ Google มาลง....มาติดตามผลกันนะค่ะว่า การสวดอิติปิโส 108 จบ...ทุกวันจะเป็นอย่างไร....ผู้เขียนหวังว่าพรที่ขอไปจะสำริดผล.....และเมื่อพรสำริดผลเป็นที่ต้องการ....ผู้เขียนก็ยังหวังว่าจะเป็นสื่อกลางให้ทุกคนที่มีปัญหาครอบครัวหรือ ปัญหาชีวิตที่แก้ไขไม่ตกสักที.....ให้ทดลองสวดอิติปิโส 108 จบ กันทุกคน

แล้วมาติดตามผลกันนะค่ะว่าการสวดอิติปิโสจ 108 บ จะช่วยให้ผู้เขียนรอดพ้นจากหนี้สินได้หรือเปล่า....ผู้เขียนจะนำเรื่องราวนี้มาบอกเป็นระยะ....และท้ายนี้ผู้เขียนก็ขอพรจากหลวงพ่อจรัญ และองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านช่วยดลบันดาลให้พรของผู้เขียนสำริดผล....เมื่อสำริดผล....ผู้เขียนจะได้บอกต่อให้ผู้คนสวดกันให้มากๆ เพื่อจะได้แก้ไขปัญหาชีวิตของตนเองได้.....ติดตาม รายงานผล วิจัยสวดอิติปิโส 108 จบ ครั้งที่ 1

วันพุธที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2557

สมาธิ แปลว่า อะไร



สมาธิ  แปลว่า  การตามนึกถึง ได้เรื่อยๆ   อย่างเช่น เราใช้คำภาวนา ว่า พุธโท  หรือ  คำภาวนาอย่างอื่น เมื่อเริ่มภาวนา ก็ให้เราเริ่มต้น ตามนึกถึง คำว่า พุธโท อย่าให้อารมณ์ใดเข้าแทรกได้  ในระหว่างที่เราภาวนา.....เมื่ออารมณ์ใดเข้ามาแทรกแสดงว่าสมาธิของเราไม่ตั้งมั่น....หากในระหว่างเราภาวนาไปเรื่อยๆ  ไม่มีอารมณ์ที่เป็นอกุลกรรมเข้ามาแทรกถือว่าอารมณ์ทรงตัว หากเราทำได้มากก็จะเป็นผลดีกับตัวเอง

การทำสมาธิหากใครทำได้มาก ก็ถือว่าเราโชคดีกว่าผู้อื่น....เพราะการทำสมาธิไม่ให้อารมณ์ใดเข้ามาแทรกนั้นต้องขยันทำทุกวัน....ถ้าทำบ้าง...ไม่ทำบ้าง....รับรองทำกี่ชาติก็ไม่สำเร็จ....การจะทำสมาธิให้จิตนิ่ง หรือ ไม่ให้อารมณ์ใดเข้าแทรกได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ   ผู้เขียนฝึกอยู่เป็นประจำ...แต่อารมณ์แทรงนี้มีเยอะมาก....

อารมรณ์ของเรานี้แบ่งได้ 2 แบบ คือ  อารมณ์กุศลกรรม และ อกุศลกรรม  หากใครห้ามอารมณ์อกุศลกรรมไม่ให้เข้ามาแทรกได้ ก็ถือว่าเราทำสมาธิได้ ฉะนั้น สมาธิ แปลว่า การตามนึกถึง อารมณ์ที่เป็นกุศลได้เรื่อยๆ นั้นเอง